วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2552

BYe Bye

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2552 โมไปญี่ปุ่น โอ้ววว ไฮโซชิมะ
ตอนแรกนึกว่าไปส่งคนเดียวก็ลองโทรหาชาลิปรากฎมันไปด้วย คุยไปมามันขอออกตอน 18.30 น. ไอ้เราก็โอเชกะว่าไปทัน สบายๆๆๆ
แต่
วันนั้นมีมรสุมอะสิ ซวยจริงๆๆ
นั่งรอมันที่บีทีเอสกะพ่อเกือบ45 กว่าเจ๊จะเสด็จมาพร้อมกับธัชที่จะมาทำเซอร์ไพส เหมือนที่แม่ข้าพเจ้าเตือนไม่มีผิด ระวังไม่ได้ส่งโมหรอกไปช้า ไอ้เราก้ออยากออกเร็วแต่ให้ทำไง มันมีรถพ่วงมานิ เจ๊แมร่งบ่นใหญ่ว่าเปลี่ยนรถไม่บอก เอ่อลืม โทดๆๆ

ขับไปโอ๊ยย รถจามาติดอาไรกันตอนนี้ บนทางด่วนไม่ติดแต่แถวจ่ายเงินยาวมากๆๆ พ่ออิชั้นก็กลัวว่าถ้าขึ้นทางด่วนเดี๋ยวรถติดบนนั้นขึ้นมาไม่ได้ไปกันพอดี มาทางธรรมดาพร้อมกะฝนที่โปรยปรายตลอดทาง อยู่ในรถก็เม้าส์กันกระจาย

ไปทันเวลาฉิวเฉียด


เราก้อบอกธัชว่านั่นเพื่อนกอยแก้งค์ของโม ธัชบอก อืม ดูเค้าตื่นเต้นกันมากเลยนะ 555
ใจจริงก้อแอบสงสารพวกเค้านะบางคนไม่เห็นมีใครมาส่งเลย แบบ พ่อ แม่ พี่ น้อง เค้าคงอ้างว้างน่าดู

ส่งโมเสร็จหาอาไรกิน
ใจข้าพเจ้าอยากรีบกลับ
ทามไมอะหรอ
พรุ่งนี้สอบอะสิ วิชาสำคัญไม่สิสำคัญมันทุกวิชา เพราะโง่ทุกวิชา
กลับไปอ่านนิดหน่อย ตื่นมาอ่าต่อ
โชคดีมีบุญคุ้มกาลาหัว พอทำได้บ้างตั้งแต่สอบมาวันนั้นเขียนเยอะสุดละ 5 หน้า อุ๊ยทำได้ไงเนี่ย
ปล.อยากดูเรื่องรถไฟฟ้ามาหานะเธอ
ปล.ต่อ บอดี้ชอปเซล 70 แหละ

วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2552

Walk away or Walk on

I don't know how should i do. เฮ้ยยยยสงสัยว่าเราจะห่างหายจากเรื่องแบบนี้ไปนาน นานมากจนทำให้ความรู้ไม่สิเรียกว่ารัยอะสัญชาตญาณ ความเชี่ยวชาญ สักอย่าง เซ้นส์ละกันไม่มีมันคงหายไปจากการห่างหายจากวงการไปนาน5555 บ้าไปแล้วววว. ตั้งแต่ฝึกงานมามีทั้งเรื่องดีและไม่ดีมากมายส่วนใหญ่มันก้อดีอะนะ.แต่ก้อไม่รุดิเรื่องบางเรื่องบทจะมาก้อเร็วซะจนตกใจไอ้เราก้ออยู่ของเราดีๆๆชีวิตก้อเหมือนเดิมเรื่อยๆๆอิจฉาชาวบ้านไปตามธรรมชาติที่ควรจะเป็นมันก้อดีที่เป็นแบบนี้(อันนี้คิดเอง)คงเป็นความเคยชินไม่ๆๆมันเป็นแบบนี้มานานแล้ว.พอวันนึงทุกอย่างเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปแบบ โอ้วอารัยเนี่ย ชั้นควรทำไง ไม่รู้ ชั้นก้อยังคงเป็นคนเดิมที่ อึ้ง งง ต่อไป. แต่สุดท้ายชั้นก้อปล่อยให้มันเป็นไปจนได้ครั้งนี้แอบเครียดโว้ยยย มีคนบอกให้ลองดู มันง่ายนะที่จะพูดแต่มันยากที่จะทำคราวนี้มันดูจริงจังมากมายจนทำให้กลัว. กลัวที่จะเริ่มต้นอีกครั้งแต่เค้าว่ากันว่าถ้าไม่เริ่มต้นเราก้อจะไม่รู้ว่ามันจะจบแบบไหน (พูดเอง) ตอนนี้ชักไม่แน่ใจซะแล้วว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลังดี เริ่มกลัว เหมือนเป็นโรคชนิดนึง หลังจากเมื่อวานไม่รุจะถอยไงดีแล้ว เอาวะมาขนาดนี้แล้วเป็นไงเป็นกัน หนักกว่านี้ก้อเคยมาแล้วเรื่องแค่นี้จิ๊บๆๆๆ(ปลอบใจตัวเองไปวันๆๆ) ชีวิตคนเราย่อมมีการเปลี่ยนแปลง .... จริงมะ

วันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2552

อีกแค่3วัน

วันนี้ไปถึงที่ทำงาน(แอบมั่ว55)ตอน7.43
นั่งเล่น กินหนม เช็คเมลล์
เอาเอกสารเข้าแฟ้ม แก้ไขงาน เอาคั่วตั๋วไปแลกไมลล์ ซื้อข้าว
กินในห้องประชุม ซุบซิบ เดินลงข้างล่าง ซื้อของ เอาน้ำไปส่ง
ถ่ายรูปเล่น และ เล่น แก้งาน ทำเครื่องพรินท์เจ๊ง โทรตามช่าง
กดไปมาระหว่างรอ เฮ้ย พริ้นท์ได้โว้ยย เดินไปดูเค้าสมัครงาน
ช่างมา แก้เสร็จแล้วคับพี่
เดินไปซื้อของ รอเวลา กลับบ้าน
วันนี้นั่งรถฟรี
ทั้งหมดนี้มักจะมีเพื่อนอยู่รอบข้างเสมอ แต่อีกไม่นานเราก้อจะต้องทำกิจกรรมแบบนี้คนเดียว
เพราะเค้าจะฝึกกันจบอีก3วันข้างหน้า
แม้ตอนแรกอาจจะรู้สึกไม่ดีกะพวกเค้าสักเท่าไหร่
แต่เราก้อสามารถปรับตัวได้ แค่มองข้างในบางสิ่ง และเอาสิ่งที่ดีมาบดบัง
ตอนนี้พวกเราสนิทกันมาก
ไม่นาน อีก3วัน ก้อจะกลายเป็นความทรงจำดีๆในชีวิต

วันจันทร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2552

อะไรกันนักหนา

วันนี้เป็นวันแรกของสัปดาห์ที่เราแทบจะไม่อยากลุกจากที่นอนก็อากาศมันหนาวเย็นจับใจ กว่าจะทำใจสละชีพออกจากผ้าห่มสุดที่รักได้ก็แทบตาย แถมต้องทำใจสลัดเสื้อผ้าออกจากตัวอีกกินเวลาไปมากโขกว่าจะอาบน้ำ ขนาดอาบน้ำร้อน ร้อนนะไม่ใช่อุ่น หน้าก็ไม่ได้แต่ง สิวบานเบอะ อากาศมันหนาวสิวก็ขึ้นอยู่ได้ ชิตามใจจะขึ้นก็ขึ้นไป...ไม่สนโว้ยยย
ไปถึงที่ทำงานตอน7.54 ไปถึงก็นั่งเม้าส์ นิสัยเดิมๆๆ กินๆๆ ดูเมลว่ามีงานเข้าอะป่าว ไม่มี นั่ง รอเพื่อนอีก3คนมาก ขอบ่นหน่อยเหอะจะรีบมาให้มันตรงเวลาแล้วหัดทำตัวไม่มีปัญหาสักวันได้มะ ช่านเนี่ยต้องมารอออออออออ พวกแกเป็นใครไม่ทราบฮะ
งานก็ไม่มีไรนั่งกินของฝากจากกัปตัน เป็นโมจิมีสตอเบอรี่อยู่ข้างใน กะอีกอันเป็ไวท์ช็อคสีขาวมีสตออยู่ข้างใน อืม อร่อยย
นั่งเอางานเข้าแฟ้ม เดินไปส่งงาน หมดเวลาไปหาข้าวกิน
หนาวววว จนไม่อยากเดินเลยรีบกินรีบกลับตึกไปนั่งจำศีล
กินขนม นั่งคุย คิดได้ว่าช่านนนมาทำอะไรที่นี่ เอาวะ วันนี้หนาวพักซักวันละกัน
เดินขึ้นตึกไอ้ยามบ้าทำเสียรม ก็รู้ว่าต้องติดบัตร เราก็ติดแต่อากาศมันหนาวเราก็ใส่เสื้อกันหนาวแล้วก็รูดซิปมันก็มะเห็นบัตรใครๆก็เป็นแบบนี้ ยามคนอื่นก็ไม่ว่า เค้าคงเข้าใจ---คิดเอาเอง
***** แต่ไอ้คนนี้มันเจือกตะโกน ติดบัตรนิสิตด้วย แบบตะคอก
***** อิช่านเลยมองแล้วตะคอกกลับว่า ติดแล้ว
****** มันบอกไหน คิด
*******ในใจ จะมายุ่งไรด้วย บอกว่าอยู่ในเสื้อ
****** มันเจือกบอกว่าตัดด้านนอกเท่านั้น
******* หน้าตาแบบกวนมาก
******* เพื่อนเราเลยติดมันที่กระดุมเม็ดแรก แต่เราไม่สนจาติดแบบนี้ ทามไม แค่ ยามการบินไทย พูดดีๆก็ได้ไม่เห็นต้องตะคอกใส่แบบนี้เลย
ขากลับ
ขึ้นรถเมลล์คนเยอะล้น ผ่านไปหนึ่งป้ายมีคนลง มีที่ว่าแต่คนจะลงป้ายต่อไปเค้าก็มาอัดกันที่หน้าประตู กระเป๋าแมร่งตะโกนด่า ว่าจะยืนอัดกันทามไมนักหนา
ขึ้นมาหัดมองข้างหลังบ้างว่ามีที่เดินสิ ขี้เกียจกันทามไม เอ่อ ทุกคน งงเลย ป้าแมร่งบ่นๆๆๆๆๆๆๆๆ จนช่านลง
เฮ้ยยยยย พูดดีๆก็ได้จะอาไรนักหนา